วันจันทร์ที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2552

บทต่อ.....ตำนานจอมกษัตริย์เทพสวรรค์




บทThe Legend-แทวังซาชินกิ-ตอนจบที่ไม่มีให้เห็นในละคร
นี่เป็นร่างแรกของบทที่เขียนโดยคุณซงจีนาก่อนที่จะต้องเปลี่ยนไปเพราะป๋าบาดเจ็บค่ะ ขอบคุณคุณซงจีนาที่ลงไว่ที่บล็อก ขอบคุณคุณGaulsan ที่แปลจากภาษาเกาหลีเป็อังกฤฤษให้อ่านที่soompi และอันนี้ข้าพเจ้าก็แปลจากภาษาอังกฤษเอง เคยแปลลงที่popcornไว้แต่คราวนนั้นแปลแบบลวกๆมากๆมาคราวนร้เลยขอแก้ไขดัดแปลงใหม่ให้อ่านรู้เรื่องขึ้นอีกนิด ขอแก้ตัวค่ะ
.....................................................................................


ร่างของคีฮาลอยขึ้นไปบนอากาศและกำลังจะกลายร่างเป็นหงส์ไฟดำ ความมืดมิดปกคลุมไปทั่ว ด้านชอโรและจูมูจียังคงต่อสู้กับศัตรู ส่วนทางแท่นบูชาซูจีนีก็เข้ามาอุ้มอาจิ๊กหนีไปจากที่นั่น แต่ขณะนั้น เลือดหยดน้อยของเด็กก็หยดลงบนแท่นบูชา แทบจะทันใดหลังจากนนั้นเปลวเพลิงก็ลุกโชนโชติช่วงออกจากร่างของคีฮาเปลวไฟเผาผลาญไปรอบบริเวณ ด้านทัมด็อกเข้าก็รีบมาโอบร่างซูจีนีและอาจิ๊กเพื่อเอาร่างกายของตนปกป้องทั้งสองไว้ ขณะเดียวกันเขาก็หันไปมองที่คีฮาซึ่งตอนนี้ไม่รับรู้อะไรทั้งสิ้น เมื่อเห็นว่าทั้งสองปลอดภัยดีแล้วทัมด็อกก็หันมาพุ่งดาบเข้าแทงแดจังโร อีกฝ่ายใช้ฝ่ามือเปล่ารับดาบไว้ได้ ทั้งคู่ต้องยื้อกันอยู่นานจนกระทั่งดาบได้หักสะบั้น ส่วนหนึ่งกระเด็นมาถูกที่อกของทัมด็อก



ขณะนั้นเลือดของอาจิกไหลไปถึงสัญลักษณ์เสือขาวและทำให้สัญลักษณ์เปล่งแสงขึ้น จูมูจีได้นิ่งไปในชั่วขณะนั้นจนศัตรูถือโอกาสพุ่งเข้าแทงแต่ดาบกลับหักไป เมื่อจูมูจีกลับมาได้สติก็หันกลับไปซัดอีกฝ่ายกระเด็นไป

แล้วเลือดของอาจิ๊กก็ไหลไปต้องสัญลักษณ์มังกรฟ้าจนสัญลักษณ์ได้เปล่งแสงสว่าง ขณะที่ชอโรได้กวัดแกว่งทวนต่อสู้กับศัตรู ทำให้พวกศัตรูถูกพลังโจมตีจนสิ้นชีพราวกลับใบไม้ต้องลมพายุร่วง

เมื่อเลือดไปถึงสัญลักษณ์ฮยอนมูสัญลักษณ์นั้นก็เปล่งแสงเช่นเดียวกัน และในที่สุดเลือดก็ต้องยังสัญลักษณ์หัวใจหงส์ไฟ แต่ปรากฏว่าหัวใจหงส์ไฟกลับมิได้เปล่งแสงขึ้น หากแต่ด้านคันธนูศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่กับทัมด็อกนั้นเปล่งแสงจ้าออกมา ทัมด็อกรู้ว่าปรากฏอาวุธที่สามารถจัดการอีกฝ่ายได้แล้ว แดจังโรเองก้รู้ดีว่าวาระสุดท้ายของตนได้ไกล้มาถึง กระนั้นก็พยายามจะหันหลังถอยหนี ทว่ามิอาจจะหลีกเลี่ยงความตายได้อีกแล้วเมื่อทัมด้อกง้างธนูขึ้นและแผลงศรเล็งไปยังหัวใจของแดจังโร มันยังพยามป้องกันตัวแต่ก็ไม่เป็นผล ทันทีที่ลูกธนูพุ่งเข้าปักกลางหน้าอกควันสีดำก็พุ่งขึ้นมาและพริบตาที่ทัมด็อกยิงลูกธนูไปอีกครั้งเดียวร่างของปีศาจร้ายก็สลายไปในอากาศเหลือทิ้งไว้เพียงชุดที่สวมใส่เท่านั้น เมื่อภารกิจเสร็จไปอย่างหนึ่งแล้วทัมด็อกก็หันมาจัดการปัญหาที่สำคัญยิ่งกว่านั้นต่อไป เขาพยามพูดกับคีฮาซึ่งยังคงหลับตานิ่งอย่างไร้อย่างไร้ซึ่งสติสัมปชัญญะ

“คีฮา...ได้โปรด..หยุดได้ไหม..หยุดเสียก่อน....”

คีฮามิได้ตอบ ขณะเดียวกันศรศักดิ์สิทธ์ก็ปรากฏพร้อมลูกศรเหมือนบังคับให้ทัมด็อกตัดสินใช้ใช้มันยุติปัญหา เขาเองต้องยกศรขึ้นง้าง แต่ในที่สุดก็มิอาจทำใจยิงศรออกไปได้ ซูจีนีมองภาพนั้นอย่างผิดหวังเธอไม่อาจปล่อยให้เหตุการณ์ณ์เลวร้ายไปกว่านี้

“ได้โปรด..ฝ่าบาทต้องหยุดนางเสีย มิฉะนั้นมันจะสายเกินแก้” เธอตะโกน

ทัมด็อกได้ยินแล้วก็หันมามองนางก่อนเอ่ยวาจา ไม่เพียงแต่เพื่อจะบอกกับทุกคน ณ ที่นั้น แต่ที่สำคัญคือ กับสวรรค์เบื้องบน “นี่หรือคือหน้าที่ของข้าที่ต้องรับมาจากสองพันปีก่อน..ตามหาสิ่งวิเศษสัญลักษณ์แห่งเทพทั้งสี่เพื่อพิสูจน์ว่าตนเองคือราชาแห่งจูชินโดยที่ผู้คนมากมายต้องสละชีวิต..รวมทั้งแม่ของลูกข้าด้วยใช้ไหม”

“โลกนี้กำลังจะมอดไหม้สูญสิ้นไปเพราะนาง ทำไมไม่หยุดนางเสียก่อนที่นางจะทำเรื่องเลวร้ายนั้น” ซูจีนีขัดจังหวะ ทัมด็อกได้แต่หันมายิ้มให้นางแล้วก็ก้าวเข้าไปหาคีฮา

“ความผิดนี้ข้าขอเป็นคนรับเอง..คีฮา..ข้าก็ผิดที่ไม่เชื่อเจ้า สวรรค์โปรดจงรับรู้ ธรรมชาติมนุษย์นั้นมีความสำนึกรู้ผิดชอบและเรียนรู้ในสิ่งต่างๆได้เอง ขณะนี้ข้าเองก็รู้แล้วว่าข้าควรต้องทำอะไร” ว่าแล้วทัมด็อกก็ใช้สองมือหักศรทิ้งเสีย “คีฮา..เจ้ารับรู้หรือไม่ ตอนนี้เบื้องกำลังถามเราว่า มนุษย์เราจะเป็นฝ่ายเลือกทางเดินเองหรือต้องการให้สวรค์มากำหนดให้” ตอนนั้นเองศรศักดิ์สิทธิ์ก็สลายไปและคีฮาก็ได้ลืมตาขึ้นมามองทัมด็อก

“มนุษย์เท่านั้นที่มีสิทธิเลือกชีวิตของตนเองไม่ใช่สวรรค์ คำตอบนี้แหละคือภารกิจที่แท้ของราชา” ทัมด็อกสรุปอย่างมาดมั่นแม้ว่ากำลังเริ่มเจ็บปวดที่หัวใจขึ้นมา

แล้วสัญลักษณ์แห่งสี่เทพก็ได้สลายไปทีละอย่าง เริ่มจากสัญลักษณ์เสือขาวส่งผลให้จูมูจีซึ่งเป็นผู้พิทักษ์กระอักเลือดล้มลงไปต่อหน้าต่อตาชอโร กระนั้นจูมูจีก็พยามประคองกายลุกขึ้น ต่อจากนั้นสัญลักษณ์มังกรฟ้าก็สูญสลายตามไปชอโรมิอาจเคลื่อนไหวได้จนถูกพวกพรรคอัคคีทำร้ายเขาที่แขนจนทวนคู่กายหลุดมือ เมื่อสัญลักษณ์ฮยอนมูแหลกสลายฮยอนโกก็สิ้นสติเช่นเดียวกัน ด้านทัมด็อกนั้นเริ่มกระอักเลือดและก็มีเลือดไหลจากส่วนอื่นๆด้วย ซูจีนีรู้ว่าการที่สัญลักษณ์ถูกทำลายจะทำให้เขาต้องสิ้นชีวิตไปด้วย เธอไม่มีวันยอมให้เกิดเรื่องเศร้าเช่นนี้จึงรีบร้องบอกคีฮาซึ่งคิดว่าเป็นความหวังเดียว

“ท่านพี่ เรายอมให้สัญลักษณ์ถูกทำลายไม่ได้ ไม่เช่นนั้นฝ่าบาทต้องสิ้นพระชนม์ โปรดหยุดเขา หยุดทำแบบนี้”

ด้านทัมด็อกก็เอ่ยขึ้น “ข้าตอบกับสววรค์ไปแล้ว ข้าคืนพลังแห่งสวรรค์ไปและจะขอคืนพลังแห่งหงส์ไฟไปด้วย แล้วพวกเจ้าจะต้องปลอดภัย” ว่าจบเขาก็ทรุดลงไป

คีฮามองซูจีนีอย่างเสียใจและส่งกระแสเสียงที่มีเพียงสองพี่น้องที่สื่อสารกันได้

“น้องพี่ ช่วยพี่ดับไฟที่เถิด พี่อยากให้ไฟดับลงเสียที”

จากนั้นสัญลักษณืหัวใจหัวใจหงส์ไฟก็ได้เปล่งแสงขึ้นแล้วลอยเข้าสู่ฝ่ามือซูจินี สายลมพัดรอบสัญลักษณ์นั้น ซูจินีรับหัวใจหงส์ไฟไว้แล้วกุมมันไว้ที่หน้าอกด้วยพลันระลึกได้ถึงวิธีการควบคุมหัวใจหงส์ไฟที่เทพฮวานุงได้ถ่ายทอดให้เมื่อชาติที่แล้ว ร่างกายของซูจินีเปล่งแสง เพลิงกำลังจะดับลง และเกิดลำแสงแผ่คลุมร่างทัมต๊อกช่วยฟื้นร่างกายจากอาการบาดเจ็บ ฝ่ายคีฮานั้นได้หันมายิ้มให้กับลูกชายที่นอนหลับอยู่ที่ตักของซูจีนีและประสานสายตากับทัมต็อกเป็นครั้งสุดท้ายก่อนเพลิงจะลุกโชติช่วงขึ้นเผาผลาญร่างของเธอจนสลายไป ทัมด็อกได้แต่ยืนมองความว่างเปล่า ซูจีนีและอาจิ๊กที่เพิ่งฟื้นเนื่องจากแสงที่ส่องจ้าต่างหันมองทัมด็อก สัญลักษณ์หัวใจหงส์ไฟที่อยู่ในมือของซูจีนียังคงสภาพเดิม

ที่อีกด้านหน้าของอาบูลานซา ชอโร ฮยอนโก และจูมูจีที่กลับคืนสติดีแล้วรวมทั้งคนอื่นๆต่างก็หยุดต่อสู้และหันมามองยังแสงอันเจิดจ้าของดวงอาทิตย์ที่ปรากฏขึ้นอีกครั้ง ท้องฟ้าแจ่มใสไร้ซึ่งเมฆหมอกอันมืดมนอีกแล้ว



----------------------------------------------------





ณ เมืองกุกแน ที่ตลาดบรรดาพ่อค้าแม่ค้าและชาวบ้านต่างเดินขวักไขว่ขายของจับจ่ายกันอย่างคึกคัก ตามประสาประชาชนที่มีความสุขเพราะบ้านเมืองสงบร่มเย็น ชอโรก็จ่ายตลาดอยู่ท่ามกลางผู้คนเหล่านั้นโดยจูมูจีพยามตามมาท้าต่อสู้โดยพุ่งเข้ากระแทกตัวใส่อีกฝ่ายแต่ชอโรซึ่งไม่อยากสู้โยนตะกร้าที่ถือมาใส่จูมูจีแล้วถือโอกาสหลบไปขณะที่จูมูจีมัวแต่รับตะกร้า ที่ค่ายทหาร เหล่าทหารกำลังจัดการแข่งขันกันดื่มเหล้าระหว่างฝ่ายพลธนูกับทหารหน่วยอื่นๆ ทุกคนต่างส่งเสียงเชียร์ผู้เข้าแข่งขันกันอื้อึงไปทั่วบริเวณมีแต่ขวดเหล้าเปล่ากองระเกะระกะ และในที่สุดฝ่ายพลธนูก็ได้โห่ร้องดีใจเมื่อพวกตนเป็นฝ่ายตนดื่มหล้าได้หมดก่อนและหน่วยอื่นก็ต่างยอมแพ้ ตัวแทนของพวกเขาที่เข้าแข่งขันนั้นก็มิใช่ใคร หัวหน้าของพวกเขา...ซูจีนี ที่ได้ทุบอกแสดงชัยชนะเสมอ ที่ลานฝึกของวังหลวง รัชทายาทคอรยอนองค์น้อยกำลังฝึกการต่อสู้ด้วยดาบกับพระบิดาคือพระเจ้าควางเกโทนั่นเอง ที่ข้างลานฝึกก็ยังมีแม่ทัพโคอูชุงกำลังเฝ้ามองทั้งเจ้านายทั้งสองที่ตนเองได้ดูแลมาตลอด มองไปแม่ทัพชราก็เอาแต่ยิ้มย่างภาคภูมิใจ
ข้อความในศิลาจารึกพระเจ้าควางเกโดนั้นบันทึกไว้ว่าพระนามของกษัตริย์องค์ที่ 19 แห่งอาณาจักรโคคูรยอคือ พระเจ้าควางเกโดมหาราช ความหมายของพระนามก็คือ พระมหากษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ผู้ทรงแผ่ขยายดินแดนไปอย่างกว้างใหญ่ไพศาล ผู้ทรงนำมาซึ่งสันติ และทรงเป็นที่รักของปวงชนพระราชาทรงเป็นผู้ปกครองที่ดี ดียิ่งกว่าการรบ น้ำพระทัยของพระองคืเป็นที่รับรู้ถึงสวรรค์ พระราชอำนาจแผ่ไปถึงสี่สมุทร ปวงชนสามารถ สามารถทำการงาน ดำรงชีวิตตั้งถิ่นฐาได้นอย่างสงบสุข แผ่นดินมั่งคั่ง ประชาชนสุขใจ พืชผลอุดมสมบูรณ์
สิ่งที่พระราชาทรงหวังคือสันติภาพที่ขอให้ยืนนานไปสักชั่วศตวรรษหนึ่ง หลังจากนั้นคงต้องให้ขึ้นอยู่กับคนยุคต่อไป

ใช่ล่ะ,สันติภาพนั้นคงอยู่สืบต่อไปประมาณสองร้อยปี...

ค.ศ.668 อาณาจักรโคคูรยอต้องล่มสลายจากการโจมตีของอาณาจักรชิลลาที่อาศัยกำลังจากจีนที่ปกครองโดยราชวงศ์ถัง ทหารจีนได้เผาทำลายบันทึกทั้งหมดที่พบ ดังนั้นหลักฐานต่างๆเกี่ยวกับอาณาจักรโคคูยอจึงเหลือมาถึงปัจจุบันน้อยมาก จะคงอยู่ก็เพียงแต่ศิลาจารึกพระเจ้าควางเกโทที่สร้างขึ้นประดิษฐานไว้เหนือสุสุสานของพระองค์ที่กุกแนซอง หรือ ปัจจุบันก็คือ มณฑลจี๋หลิน ประเทศจีน ที่ชาวเกาหลีต่างนิยมเดินทางไปเยี่ยมชมเพื่อระลึกถึงพระราชาผู้ยิ่งใหญ่ของพวกเขา

ณ ยุคปัจจุบันที่สนามบินนานาชาติอินชอน ประเทศเกาหลีใต้ ที่ผู้คนมากมายต่างมาเพื่อเดินทางไปยังจุดหมายต่างๆที่ต้องการ ส่วนหนึ่งนั้นก็ต้องการเดินทางไปยังประเทศจีน อย่างน้อยก็สองกลุ่ม กลุ่มหนึ่งที่มากันแค่สองคนเป็นอาจารย์หนุ่มใหญ่ท่าทางซุ่มซ่ามกับลูกศิษย์สาวน้อยจอมซุกซน ทั้งสองดูคล้ายกับฮยนอนโกและซูจีนีในอดีตไม่มีผิด

“มีศิลาจารึกแท่งเดียวที่บันทึกเรื่องนั้นจริงๆเหรออาจารย์” สาวน้อยตั้งคำถาม

“เมื่อตอนที่ราชวงศ์ถังรุกรานบันทึกประวัติศาสตร์โคคูรยอถูกเผา ประวัติศาสตร์นับร้อยเรื่องจึงสูญหายไป...” อาจารย์เกริ่นขึ้นเพื่ออธิบายความเป็นมาแต่ฝ่ายลูกศิษย์ใจร้อนจึงวิ่งเข้าไปร่วมฟังที่มัคคุเทศน์ของกลุ่มคนที่จะไปเที่ยวยังที่เดียวกันกำลังเล่าเรื่องศิลาจารึกนั้นอยู่

“เราจะเดินทางไปที่เมืองชิบัน(จี๋หลิน)ในวันที่สาม ชิบัน คือ เมืองหลวงที่สามของอาณาจักรโคคูรยอ ซึ่งเดิมชื่อเมืองกุกแน และที่นั่นมีศิลาจารึกของพระเจ้าควางเกโทประดิษฐานอยู่ เราจะไปเยี่ยมชมศิลาจารึกกัน”

ฟังแล้วเจ้าลูกศิษย์ก็วิ่งมาบอกกับอาจารย์ “นี่ๆ ที่เขาพูดใช่อันเดียวกันกับที่อาจารย์จะให้ไปดูรึเปล่า” เธอกระซิบแล้วแต่อาจารย์ก็ยังทำท่าจุ๊ปากกำชับให้เบาๆ ฝ่ายมัคคุเทศก์ที่อยู่กับกลุ่มนักท่องเที่ยวก็พูดต่อ

“ทุกท่านห้ามแตะต้องและกรุณาอย่าถ่ายรูปศิลาจารึกด้วย”

ถึงตอนนี้สาวน้อยก็แปลกใจเป็นอย่างมากแล้วก็สงสัยมากจนสงบปากสงบคำไม่ได้เลย “ทำไมเล่า!” เธอร้อง ไม่ให้จับ ไม่ให้ถ่ายรูปแล้วจะมีประโยชน์อะไรในเมื่อไม่มีอะไรจะเก็บไว้เป็นที่ระลึก ฝ่ายอาจารย์ต้องรีบไปป้องปากเธอไว้แทบไม่ทัน

อีกด้านหนึ่งของสนามบินที่มีผู้คนมากมายไม่แพ้บริเวณอื่น ท่ามกลางผู้คนยังมีชายคนหนึ่งเดินสะพายกระเป๋าออกไป ใบหน้าของเขาดูราวกับชอโรเจ้าป้อมกวานมีในอดีตแต่ต่างที่ผมของเขาตัดสั้นอย่างผู้ชายสมัยใหม่ทั่วไป ด้านนอกตรงจุดจอดรถแท็กซี่หรูคันหนึ่งก็มีคนขับเป็นชายหนุ่มในชุดสูทที่มีใบหน้าละม้ายกับยอนโฮเก....
ท่ามกลางผู้คนที่เดินผ่านมาและผ่านไป ใครจะรู้ว่าเมื่อกว่าพันปีผ่านไป เหล่าเทพทั้งสี่รวมทั้งพระราชาผู้ยิ่งใหญ่นั้นได้กลับมาแล้วและอยู่




เพลง เลอะเลือน / Jack





.....................................................................................

ที่มา(http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=han-t-one&group=1&page=3)

วันจันทร์ที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

ชอบตัวละครการ์ตูนเรื่องไหนบอกมาเลย




กรี๊ดดดดดดดดดด
อิจิน่ารักมากมาย





วันจันทร์ที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

ทิปคอมพิวเตอร์เด็ดๆ

ไอคอน Show Desktop หาย
ไม่ต้องกังวลไปครับ ไอคอน Show Desktop สามารถสร้างขึ้นใหม่ได้ โดยใช้แค่เครื่องมือง่ายๆ อย่าง Notepad แต่เนื่องจากคุณไม่ได้แจ้งว่า Windows ที่ใช้อยู่เป็นเวอร์ชันอะไร ดังนั้นวิธีแก้ไขในที่นี้จะสามารถใช้ได้กับวินโดวส์ทุกเวอร์ชันตั้งแต่ 98 ถึง Vista สำหรับขั้นตอนการสร้าง Show Desktop ขึ้นมาใหม่มีดังนี้1. เปิดโปรแกรมโน้ตแพด (Notepad) แล้วก็อปปี้ข้อความต่อไปนี้เข้าไปกรณีที่ใช้ 98 และ Windows XP ให้ก็อปปี้บรรดทัดข้างล่างนี้เข้าไปใส่ในโน้ตแพด[Shell]Command=2IconFile=explorer.exe,3[Taskbar]Command=ToggleDesktopแต่ถ้าคุณใช้ Vista ให้ก็อปปี้ข้อความข้างล่างนี้แทน[Shell]Command=2IconFile=shell32.dll,34[Taskbar]Command=ToggleDesktop2. จัดเก็บไฟล์ไว้บนเดสก์ทอป โดยตั้งชื่อว่า Show Desktop.scf ขั้นตอนการจัดเก็บไฟล์ข้อความในโน้ตแพดให้มีนามสกุลแบบนี้ ให้คลิกเมนู File เลือก Save As... เลือก Save as type เป็น All Files (*.*) แล้วคลิกปุ่ม Save แล้วปิดโน้ตแพด (ย้ำว่า ชื่อไฟล์และนามสกุลจะต้องเขียนตามนี้เป๊ะคือ Show Desktop.scf)3. และก็ถือขั้นตอนสุดท้ายนั่นคือ ลากไอคอนไฟล์ Show Desktop ลงไปใส่ใน Quicklaunch เพียงแค่นี้คุณก็ได้ไอคอนสำหรับคลิก เพื่อแสดงเดสก์ทอปกลับคืนมา



IE: อยากลบ History บางรายการทำไง?
ดิฉันต้องแบ่งให้น้องชายที่ค่อนข้างจะมีอายุห่างกันพอสมควรใช้โน้ตบุ๊ก เครื่องเดียวกันค่ะ คราวนี้สังเกตเห็นว่า หน้าเว็บทีเข้าไปดูมันจะเก็บไว้ใน history ซึ่งจะปรากฎขึ้นมาขณะพิมพ์เว็บไซต์ในช่องแอดเดรสด้วย ซึ่งบางเรื่องก็ไม่อยากให้น้องชายคลิ้กไปอ่านค่ะ ก็เลยอยากจะลบมันออกไป ไม่ทราบว่า ต้องทำอย่างไรคะ?
ตอบ: ส่วนใหญ่พวกเราจะทราบวิธีล้าง (clear) ประวัติการเยียมชมเว็บไซต์ (History) ให้หมดภายในคราวเดียว (ปุ่ม Delete history... ใน Internet Options ของ IE) แต่ความจริงคุณอาจต้องการลบทิ้งเพียงบางรายการเท่านั้น อย่างเช่นกรณีของคุณผู้อ่านท่านนี้ ซึ่งเกรงว่า ถ้าลบหมดเว็บไซต์ที่น้องชอบเข้าจะหายไปด้วย เนื่องจากไม่ได้แจ้งว่า ใช้บราวเซอร์อะไรอยู่ก็เลยขอตอบทั้งสองบราวเซอร์คือ IE และ Firefox ก็แล้วกันนะครับ หวังว่า คงจะไม่หลุดไปจากสองตัวนี้
กรณีทีใช้ Internet Explorer (IE)
คลิ้ก ปุ่มลูกศรชี้ลงเล็กๆ ที่อยู่ขวาสุดของช่องป้อนแอดเดรสเว็บไซต์ สังเกตว่า ดรอปดาวน์ของรายการเว็บไซต์ที่เยี่ยมชมไปแล้วจะไหลลงมา จากนั้นเลื่อนเมาส์ไปตามรายการที่ต้องการลบ สังเกตว่า ที่ด้านขวาของแต่ละรายการจะมีเครื่องหมาย X สีแดงปรากฎอยู่ด้วย ให้ใช้เมาส์คลิ้กบนเครื่องหมายดังกล่าว เพียงแค่นี้ ประวัติศาสตร์ที่คุณไม่อยากให้น้องชายของคุณเข้าไปดู ก็ถูกลบทิ้งไปแล้วล่ะครับ

กรณีทีใช้ Mozilla Firefox
สำ หรับไฟร์ฟอกซ์จะสะดวกและง่ายดายกว่ามาก โดยคลิ้กปุ่มชี้ลงเหมือนกัน (หรือจะคลิ้กเลือกช่องป้อนแอดเดรสของเว็บไซต์ แล้วกดปุ่มลูกศรลงบนคีย์บอร์ด) จากนั้นใช้ปุ่มลูกศรเลือกไฮไลท์รายการเว็บไซต์ที่เคยเยี่ยมชมในอดีต (history) เมื่อถึงรายการที่ต้องการแล้ว ก็กดปุ่ม Delete บนคีย์บอร์ด รายการนั้นก็จะหายไปทันที



windows 7: ลูกเล่น(ไร้สาระ)ที่ซ่อนอยู่?
บ่อยครั้งที่พบว่า ลูกเล่นที่ลึกลับหรือถูกซ่อนไว้ในซอฟต์แวร์ที่เรียก Easter Egg มักจะตามติดจากเวอร์ชันเก่ามาจนถึงเวอร์ชันใหม่ แม้แต่ในระบบปฎิบัติการ Windows 7 ลูกเล่นบางอย่างที่เล่นได้บน Windows Vista ก็ยังใช้ได้บน Windows 7 ด้วย อย่างทริก"ไร้สาระ"อันนี้เป็นต้นเรื่องของเรื่องก็คือ ปกติเวลาเรียกใช้ฟังก์ชัน Task Switcher (หรือ Flip ใน Windows Vista) เพื่อสลับสับเปลี่ยนไปใช้แอพฯตัวอื่นๆ ที่เปิดไว้แล้ว ผู้ใช้เพียงแค่กดปุม Alt+tab บน Windows 7 หรือ Vista ก็จะมีหน้าต่างป๊อปอัพขึ้นมาพร้อมทั้งแสดงรายการของหน้าต่างโปรแกรม ด้วยขนาด thumbnail จัดแถว รอให้คุณเลือกบนพื้นใส Aero ซึ่งจะแตกต่างจากที่เคยเห็นใน Windows XP ที่เป็นแค่ไอคอนโปรแกรมเท่านั้น
หากคุณคิดถึงอินเตอร์เฟซของฟังก์ชันสลับโปรแกรมที่ไม่ค่อยไฮโซเท่าไรของ XP ก็สามารถเรียกรูปแบบเดิมขึ้นมาใช้ใน Windows 7 (หรือ Vista) ได้เหมือนกัน โดยขั้นแรกกดปุ่ม Alt+tab ด้วยมือซ้าย จากนั้นใช้มือขวากดปุ่ม Alt ทางฝั่งขวาของคีย์บอร์ด แล้วปล่อย (มือซ้ายยังกดปุ่ม Alt ค้างอยู่นะครับ) จากนั้นกด Alt+tab ด้วยมือซ้าย จะเห็นว่า Switcher ได้เปลี่ยนอินเตอร์เฟซกลับไปเป็นแบบ XP ในอดีตแล้ว โอ้ว...ได้กลิ่นอายของ XP ดีจัง :p (ภาพตัวอย่าง Task Switcher บน Windows 7 ที่แสดงไอคอนเรียบง่ายแบบ XP)

ที่มา(http://siamtipscom.blogspot.com/)

วันจันทร์ที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

มารู้จักเว็บบล็อกกันเถอะ

คือ การบันทึกเรื่องต่างๆไว้ในอินเทอร์เน็ตโดยไม่จำกัดว่าจะเป็นเรื่องอะไร เช่น การแสดงความคิดเห็น ข่าวต่างๆหรือสิ่งที่ตนเองสนใจ มีความคล้ายกับ Diary Online แต่มีขีดความสามารถการใช้งานที่ดีกว่า ดังนั้นเว็บล็อกจึงเป็นที่นิยมไปทั่วโลก

เว็บล็อก หรือ บล็อก คือเว็บไซด์ชนิดที่มี entries หรือการแก้ไขที่ถูกลงเวลา ตามวันที่ถูกแก้ไขการจัดเก็บข้อมูล รวมๆแล้วเว็บล็อก ที่ได้รับความนิยมก็จะเป็นเว็บล็อกที่มีข้อมูลดี ที่ทำให้คนติดใจต้องกลับมาติดตามอ่านทุกครั้งที่มีการอัพเดทหรือโพสเพิ่มเติม คนทั่วไปส่วนมากมักจะแยกไม่ออกว่าอะไรคือบล็อก นอกจากคำจำกัดความข้างต้น โดยทั่วไปแล้วบล็อกจะมีความเป็นส่วนตัวมากกว่าเว็บไซด์ทั่วไป เว็บล็อกจะถุกสร้างขึ้นจากคนๆเดียว และข้อมูลที่เขียนก็จะมาจากคนๆเดียว เป็นเรื่องที่เขียน “ถือเป็นความคิดส่วนตัวของคนๆนั้น”

เพียงแต่ถ้าคนๆนั้น อยากจะให้บล็อกรับความนิยมมากขึ้น เค้าคนนั้นควรจะหาจุดยืนของตัวเองให้เจอ แล้วแสดงความคิดเห็นในมุมมองของตัวเองเกี่ยวกับสิ่งต่างๆจะเป็นเรื่องที่น่าสนใจมากกว่าที่จะบอกว่า ” วันนี้ . . ฉันทำนี้ๆ . . แล้วก็นอน “
ยกตัวอย่างว่า หากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่เห็นด้วย เขาก็สามารถแสดงความคิดเห็นกลับได้ถ้าต้องการ ถือเป็นการสื่อสารที่เป็นส่วนตัว มากกว่า ที่เราจะต้องเขียนจดหมายไปหาบ.ก.ของสื่อนั้นๆแล้วก็ไม่รู้ด้วยว่า บ.ก. จะลงความเห็นของเราในบทหรือไม่
สิ่งหนึ่งที่จะทำให้บล็อกเป็นอะไรที่ส่วนตัวมากกว่าก็คือ ความเป็นตัวของตัวเอง ถ้าคนอ่านเค้าไม่เข้าใจว่าเราเป็นใครมาจากไหน ทำไมถึงคิดเเบบนั้น ก็จะติดต่อสื่อสารกันแบบเข้าใจไม่ได้ นักเขียนบล็อกที่คอยปิดบังตัวเองจะมีปัญหา เรื่องการบล็อกมาก เพราะสุดท้ายจะไม่มีอะไรให้เขียน เพราะเค้าจะไม่ไม่มีความเห็นใดๆที่น่าสนใจแตกต่างจากคนอื่น อีกเรื่องที่สำคัญในบล็อกก็คือการ Link ไปยัง Site อื่นๆเกี่ยวข้องกับเรื่อง ที่นักเขียนบล็อกพูดถึง

ข้อมูลเว็บไซด์ต่างประเทศระบุว่า บล็อกได้รับความนิยมมากก็เพราะว่ามันเป็นสื่อ Inter Active ถ้าอ่านเรื่องอะไรอยู่แล้วอยากรู้รายละเอียดมากขึ้น ผู้อ่านสามารถ click ไปยังเว็บไซด์อื่นที่เกี่ยวข้องดูว่า คนอื่นเขียนอะไรว่าอย่างไร นักเขียนบล็อกบางส่วนไม่ยอมใช้ข้อดีของ อินเทอร์เน็ตแบบ hypertext ทำให้บล็อกของคนๆนั้นดูน่าเบื่อ เพราะว่าจะมีแต่ตัวหนังสือ ไม่มีสิ่งที่จะคอยดึงความสนใจ ในยุคนี้ที่บล็อกเริ่มจะได้รับความนิยม เมื่อใดที่มีข้อมูลใดที่น่าสนใจเขียนไว้ที่บล็อกใดบล็อกหนึ่งนั้นจะถูก Link กันต่อไปเรื่อยๆ ทำให้ข่าวสารต่างๆเดินทางกระจายไปในกลุ่มนักบล็อกอย่างรวดเร็ว ถ้านักบล็อกมีเนื้อหาที่น่าสนใจจริง บล็อกต่างๆก็จะคอย Link มาหาทำให้ได้รับความนิยมไปเอง
ที่มา(chandraonline.chadra.ac.th)